PlayStation Portal คืออะไร ใช้เล่นเกมเป็นยังไง สรุปข้อดีข้อเสีย

PlayStation Portal คือ อุปกรณ์พกพารุ่นใหม่จาก Sony ที่ให้คุณเล่นเกม PS5 จากระยะไกลบนหน้าจอพกพาได้ ออกแบบมาให้ดูเหมือนคอนโทรลเลอร์ DualSense โดยมีจอ LCD ขนาด 8 นิ้วอยู่ตรงกลาง ใช้ Wi-Fi เพื่อสตรีมเกมจากคอนโซล PS5 ของคุณ และมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับคอนโทรลเลอร์ DualSense เช่น Adaptive Triggers (ระบบที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกได้ถึงแรงต้านเมื่อควบคุมคอนโทรลเลอร์) และ Haptic Feedback (ระบบตอบสนองของจอยคอนโทรลเลอร์ด้วยการสั่นที่สมจริงยิ่งขึ้น) โดยที่ PlayStation Portal เปิดตัวในปลายปี 2023 ในราคา 199.99 ดอลลาร์ หรือประมาณ 7,000 บาท

สรุปข้อดีและข้อเสียของ PlayStation Portal

  • ข้อดี:
    • คุณสามารถเล่นเกม PS5 ได้ทุกที่ในบ้านหรือนอกบ้าน ตราบใดที่คุณมีการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่แรงและ PS5 ของคุณเปิดอยู่
    • คุณสามารถเล่นเกมกับกราฟิกความละเอียดสูงและการแสดงผลเกมออกมาอย่างราบรื่นบนหน้าจอความละเอียด 1080p และอัตราการรีเฟรช 60Hz
    • คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์เสียงและการตอบสนองที่สมจริงด้วยลำโพงในตัว ช่องเสียบหูฟัง และคุณสมบัติ DualSense
    • คุณสมบัติ DualSense, คุณสามารถสลับระหว่างการเล่นบน PS5 และ PlayStation Portal ได้อย่างสะดวก โดยไม่สูญเสียการเชื่อมต่อ
  • จุดด้อย:
    • คุณไม่สามารถเล่นเกม PS VR2 หรือเกมที่สตรีมผ่านบริการสตรีมมิ่งบนคลาวด์ของ PlayStation Plus Premium ได้
    • คุณต้องมีคอนโซล PS5 และเครือข่าย Wi-Fi เพื่อที่จะใช้งาน PlayStation Portal เนื่องจากมันไม่มีที่เก็บข้อมูลเป็นของตัวเอง
    • คุณอาจประสบปัญหาความล่าช้าหรือปัญหาเรื่องคุณภาพในขณะเล่นเกม ขึ้นอยู่กับความเร็วและความเสถียรของ Wi-Fi
    • คุณอาจไม่สามารถใช้คุณสมบัติทั้งหมดของเกม PS5 บางเกมที่ได้รับการปรับให้เหมาะกับคอนโทรลเลอร์ DualSense หรือเสียง 3D ของ PS5 ได้

Content Cover

รีวิว PlayStation Portal

PlayStation Portal เป็นอุปกรณ์ที่ให้คุณเล่นเกม PS5 บนหน้าจอมือถือโดยไม่ต้องผูกติดกับทีวี เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการความยืดหยุ่นและความสะดวกสบาย เพิ่มประสบการณ์ในการเล่นเกมที่หลากหลายขึ้น อย่างไรก็ตาม มันยังมีข้อเสียบางประการที่อาจจำกัดความน่าดึงดูดสำหรับผู้ใช้บางคน

สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับ PlayStation Portal คือมันช่วยให้คุณสนุกกับเกม PS5 ได้ทุกที่ที่คุณต้องการ ตราบใดที่คุณมีการเชื่อมต่อ Wi-Fi และคอนโซล PS5 ของคุณเปิดอยู่ คุณสามารถเล่นในห้องนอน ห้องครัว สวนหลังบ้าน หรือแม้แต่บ้านเพื่อนของคุณก็ได้ คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสายเคเบิล อะแดปเตอร์ หรือจอภาพ คุณเพียงแค่ต้องมี PlayStation Portal และคอนโทรลเลอร์ DualSense ของคุณ

ตัวอุปกรณ์ได้รับการออกแบบมาอย่างดีและใช้งานได้สะดวก ดูเหมือนคอนโทรลเลอร์ DualSense ที่มีหน้าจอ LCD ขนาด 8 นิ้วอยู่ตรงกลาง มีปุ่ม ทริกเกอร์ และทัชแพดเหมือนกับคอนโทรลเลอร์ DualSense และยังรองรับคุณสมบัติ Adaptive Triggers และ Haptic Feedback ด้วย หน้าจอมีความละเอียด 1080p และอัตราการรีเฟรช 60Hz ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเล่นเกมได้กับกราฟิกที่คมชัดและราบรื่นบนอุปกรณ์พกพาได้ คุณภาพเสียงยังดีด้วยลำโพงในตัวและช่องเสียบหูฟัง

สิ่งที่ดูเหมือนเป็นข้อด้อยเกี่ยวกับ PlayStation Portal คือมันไม่ใช่อุปกรณ์แบบสแตนด์อโลน เพราะมันจะทำงานขึ้นอยู่กับคอนโซล PS5 และเครือข่าย Wi-Fi ของคุณ ไม่มีพื้นที่เก็บข้อมูลเป็นของตัวเอง ดังนั้นคุณจึงไม่สามารถดาวน์โหลดหรือเล่นเกมแบบออฟไลน์ได้ คุณยังไม่สามารถเล่นเกม PS VR2 หรือเกมที่สตรีมผ่านบริการสตรีมมิ่งบนคลาวด์ของ PlayStation Plus Premium ได้ ข้อจำกัดเหล่านี้อาจทำให้ PlayStation Portal น่าดึงดูดสำหรับเกมเมอร์น้อยลงได้ โดยเฉพาะคนเล่นเกมที่ต้องการความเป็นอิสระและตัวเลือกการเล่นเกมที่หลากหลายมากขึ้น

ข้อเสียเปรียบอีกประการหนึ่งของ PlayStation Portal คืออาจไม่ให้ประสิทธิภาพหรือคุณภาพที่ดีที่สุดสำหรับเกม PS5 บางเกม คุณอาจพบความล่าช้าหรือข้อบกพร่องเมื่อสตรีมเกมจากคอนโซล PS5 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเร็วและความเสถียรของ Wi-Fi ของคุณ คุณอาจพลาดคุณสมบัติบางอย่างของเกม PS5 บางเกมที่ได้รับการปรับให้เหมาะกับคอนโทรลเลอร์ DualSense หรือเสียง 3D ของ PS5 ตัวอย่างเช่น คุณอาจไม่สามารถรู้สึกถึงความตึงเครียดของทริกเกอร์ในเกม Ratchet & Clank: Rift Apart หรือได้ยินเสียงเอฟเฟกต์เชิงพื้นที่ในเกม Returnal

โดยรวมก็คือ PlayStation Portal เป็นอุปกรณ์พิเศษที่นำเสนอวิธีใหม่ในการเล่นเกม PS5 พกพา อุปกรณ์นี้ไม่ได้มาแทนที่คอนโซล PS5 แต่เป็นส่วนขยายมากกว่า

สรุปสเปคของ PlayStation Portal

  • จอแสดงผล: หน้าจอ LCD ขนาด 8 นิ้ว ความละเอียด 1080p และอัตราการรีเฟรช 60Hz
  • เสียง: ลำโพงในตัว, แจ็คเสียง 3.5 มม. และรองรับเสียง 3D ของ PS5
  • การควบคุม: คุณสมบัติ DualSense รวมถึง Adaptive Triggers, Haptic Feedback, ทัชแพด, ปุ่มกด และทริกเกอร์
  • การเชื่อมต่อ: การเชื่อมต่อ Wi-Fi กับคอนโซล PS5 และคอนโทรลเลอร์ DualSense
  • ช่องเสียบ: พอร์ต USB-C สำหรับการชาร์จ
  • ความเข้ากันได้: เกมที่รองรับซึ่งติดตั้งบนคอนโซล PS5 ของคุณ

ความคิดเห็น